เรื่องกระทบกระทั่งระหว่างไนจีเรียกับอังกฤษ
ปัญหามาจากเรื่องที่เมื่อเดือนมิถุยายน
ศกนี้ กระทรวงมหาดไทยอังกฤษประกาศให้ไนจีเรียรวมอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการที่ผู้ขอวีซ่าเข้าอังกฤษจะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเข้าเมืองของประเทศ
ซึ่งนอกจากไนจีเรียแล้วประเทศที่ถูกระบุยังประกอบด้วย กานา อินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกาและบังกลาเทศ
เริ่มจากเดือนพฤศจิกายน 2556 ทางการอังกฤษจะบังคับใช้ระเบียบใหม่ในการยื่นคำร้องขอวีซ่าสำหรับประเทศกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว
โดยผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปซี่งยื่นขอวีซ่าประเภทที่สามารถพำนักอยู่ในประเทศได้นานเกิน
6 เดือนขึ้นไปจะต้องวางเงินประกันจำนวน 3,000 ปอนด์
(4,600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3,500 ยูโร
หรือประมาณ 750,000 ไนร่า) โดยเงินประกันนี้
หากผู้ร้องขอวีซ่าไม่เดินทางออกจากอังกฤษเมื่อวีซ่าหมดอายุทางการอังกฤษจะยึดเงินจำนวนนี้เป็นเงินของแผ่นดิน
แต่หากผู้ร้องขอวีซ่าเดินทางออกจากอังกฤษตามกำหนดก็สามารถเรียกเงินประกันคืนได้
กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษแถลงว่า ระเบียบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการสนองตอบนโยบายของรัฐบาลอังกฤษที่ต้องการจำกัดจำนวนคนต่างชาติซึ่งอพยพเข้าไปอยู่ในอังกฤษโดยผิดกฎหมายเข้าเมือง
และไปแย่งใช้สาธารณูปโภคของชาวอังกฤษอยู่ในปัจจุบัน
ตามสถิติเมื่อปี 2555 ทางการอังกฤษออกวีซ่าประเภท
6 เดือนให้คนชาติอินเดีย 296,000 ราย
ไนจีเรีย 101,000 ราย ปากีสถาน 53,000 ราย
ศรีลังกาและบังกลาเทศ ประเทศละ 14,000 ราย
รัฐบาลไนจีเรียไม่พอใจระเบียบการขอวีซ่าใหม่ที่ทางการอังกฤษจะนำมาใช้
โดยเห็นว่าเป็นระเบียบที่เลือกปฏิบัติอันแสดงถึงการเหยียดผิวและมีอคติต่อชาวไนจีเรีย
มีรายงานในหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยว่ารัฐมนตรีต่างประเทศไนจีเรียขู่ไว้ว่าหากอังกฤษบังคับใช้ระเบียบการขอวีซ่าใหม่ต่อคนชาติไนจีเรียเมื่อใด
รัฐบาลไนจีเรียจะตอบโต้โดยจะออกระเบียบบังคับเฉพาะชาวอังกฤษที่ยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศไนจีเรีย
ให้วางหลักทรัพย์ค้ำประกันเช่นเดียวกัน แต่จะกำหนดให้มากกว่าเป็น 5,000 ปอนด์ไปเลย
เรื่องนี้ยังไม่จบแต่นำมาเล่าไว้ให้เห็นบรรยากาศในประเทศนี้
และวิธีคิดของผู้ผู้บริหารบ้านเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น